การเรียนทำไอศกรีมโฮมเมดเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น

ไอศกรีมเป็นของหวานแช่แข็งที่ทำไม่ยาก แต่ถ้าจะทำให้ได้เนื้อดีและอร่อยนั้นก็ไม่ง่าย ปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นกับไอศกรีมโฮมเมดคือ เนื้อไม่เนียนนุ่ม ทำแล้วเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ไอศกรีมละลายเร็ว เก็บไว้ได้ไม่กี่วันก็เกิดการแยกชั้น และกลิ่นรสไอศกรีมไม่หอมน่ารับประทานเหมือนที่เขาขายกัน จนทำให้หลาย ๆ คนเข้าใจว่า ไอศกรีมโฮมเมดคือไอศกรีมเนื้อไม่ดี ทำตามมีตามเกิด การเรียนทำไอศกรีมจะช่วยคุณได้มากขึ้น ซึ่งไอศกรีมเป็นหนึ่งในของหวานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก แต่ไม่ใช่ว่าทุกชนิดจะเป็นที่ชื่นชอบสำหรับทุกคน มีหลายเหตุผลที่ผู้คนมักเลือกทาน ไอศกรีมโฮมเมดมากกว่านั้นคือ

  • รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์บางอย่าง ได้แก่ มะม่วง ขิง เครื่องเทศ ชาเอิร์ลเกรย์ แอปเปิ้ล และมัทฉะ สิ่งเหล่านี้ไม่มีในแบรนด์ทั่วไป นอกจากนี้ร้าน ไอศกรีมโฮมเมด ยังหมุนเวียนเมนูตามฤดูกาลเพื่อมอบทางเลือกใหม่ๆอยู่เสมอ
  • ส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด หากคุณเคยเปรียบเทียบส่วนผสมของไอศกรีมโฮมเมดที่ซื้อจากร้าน คุณจะสังเกตเห็นความแตกต่าง ไอศกรีมทั่วไปอาจมีสารเคมีหลายชนิดซึ่งใช้เพื่อเพิ่มสีสันและยืดอายุการเก็บรักษา ในทางกลับกันการเรียนทำไอศกรีมโฮมเมดมีสารเคมีน้อยหรือไม่มีเลย ทำโดยไม่ต้องใช้สารกันบูดเพิ่มเติมและได้มาจากส่วนผสมจากธรรมชาติแทนที่จะเป็นสารเคมี
  • วัตถุดิบสดใหม่ ส่วนผสมในไอศกรีมโฮมเมดไม่เพียงมาจากธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังสดใหม่และหาได้ง่าย ร้านค้าท้องถิ่นในฮาวายผสมผสานวัตถุดิบที่คุณหาได้จากบนเกาะเท่านั้น เช่น กาแฟ Kona และน้ำผึ้งเลฮัว พวกเขายังใช้ผลผลิตในท้องถิ่น เช่น มะพร้าว สตรอเบอร์รี่ กล้วย และขิง วัตถุดิบสดใหม่มีรสชาติดีกว่าและมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าที่ส่งมาจากที่ไกลๆ
  • เป็นศิลปะที่เหนือกว่า เรียนทำไอศกรีมโฮมเมดทำด้วยมือด้วยความรัก ในทางตรงกันข้ามผลิตภัณฑ์ที่ซื้อจากร้านค้าส่วนใหญ่ผลิตโดยเครื่องจักรจำนวนมากและขาดความเป็นเอกลักษณ์ การเรียนทำไอศกรีมด้วยมือเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คุณคิด ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องทำไอศกรีมด้วยซ้ำ เพียงต้องใช้การตีและการผสมอย่างนุ่มนวลซึ่งรวมฟองอากาศในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนละเอียด บางแบรนด์มีเปอร์เซ็นต์ฟองอากาศสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญเพื่อผลกำไรที่สูงขึ้น

การเรียนทำไอศกรีมโฮมเมดจะทำให้รสชาติอร่อยมากขึ้น นี่เป็นเหตุผลเดียวที่สำคัญที่สุด ทุกอย่างรวมทั้งรสชาติที่ไม่มีส่วนผสมหรือสารแปลกปลอมที่เติมแต่งเข้าไป เพื่อให้สดเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน

Advertising คืออะไร

Advertising คืออะไร

โฆษณา คือรูปแบบการสื่อสารทางการตลาดเพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมหรือผู้อ่านเกิดความสนใจและต้องการซื้อสินค้าหรือบริการ โฆษณาสามารถทำได้หลากหลายช่องทาง เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ สื่อออนไลน์ เป็นต้น
รูปภาพโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์เปิดในหน้าต่างใหม่

โฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์

วัตถุประสงค์ของการทำโฆษณาโดยทั่วไปมีดังนี้

สร้างการรับรู้ (Awareness) คือ ทำให้ผู้บริโภครู้จักสินค้าหรือบริการ
สร้างทัศนคติ (Attitude) คือ ทำให้ผู้บริโภคมีทัศนคติที่ดีต่อสินค้าหรือบริการ
กระตุ้นให้เกิดความต้องการซื้อ (Call to Action) คือ กระตุ้นให้ผู้ชมหรือผู้อ่านเกิดความต้องการซื้อ
ในการทำโฆษณา ควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้

กลุ่มเป้าหมาย (Target Audience) คือ ผู้บริโภคที่โฆษณาต้องการสื่อสารถึง
งบประมาณ (Budget) คือ เงินทุนที่ใช้ในการโฆษณา
สื่อโฆษณา (Media) คือ ช่องทางที่ใช้ในการโฆษณา
ข้อความโฆษณา (Ad Copy) คือ เนื้อหาของโฆษณา
เพื่อให้โฆษณามีประสิทธิภาพ ควรสร้างสรรค์โฆษณาให้มีความน่าสนใจและดึงดูดความสนใจกลุ่มเป้าหมาย และวัดผลผลลัพธ์ของการทำโฆษณาอย่างสม่ำเสมอ

ประเภทของโฆษณาสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท เช่น

โฆษณาเชิงสร้างการรับรู้ (Awareness Advertising) เป็นโฆษณาที่มุ่งเน้นให้ผู้บริโภครู้จักสินค้าหรือบริการ เช่น โฆษณาเปิดตัวสินค้าใหม่ โฆษณาเปลี่ยนภาพลักษณ์ เป็นต้น
รูปภาพโฆษณาเชิงสร้างการรับรู้เปิดในหน้าต่างใหม่

โฆษณาเชิงสร้างการรับรู้
โฆษณาเชิงสร้างทัศนคติ (Attitude Advertising) เป็นโฆษณาที่มุ่งเน้นสร้างทัศนคติที่ดีต่อสินค้าหรือบริการ เช่น โฆษณาแสดงคุณประโยชน์ของสินค้าหรือบริการ โฆษณาแสดงภาพลักษณ์ของสินค้าหรือบริการ เป็นต้น
รูปภาพโฆษณาเชิงสร้างทัศนคติเปิดในหน้าต่างใหม่

โฆษณาเชิงสร้างทัศนคติ
โฆษณาเชิงกระตุ้นให้เกิดความต้องการซื้อ (Call to Action Advertising) เป็นโฆษณาที่มุ่งเน้นกระตุ้นให้ผู้ชมหรือผู้อ่านเกิดความต้องการซื้อ เช่น โฆษณาแสดงโปรโมชั่น โฆษณาแสดงส่วนลด เป็นต้น
โฆษณาเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญที่ช่วยทำให้สินค้าหรือบริการเป็นที่รู้จักและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น หากทำโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางการตลาดที่ตั้งไว้

Digital Marketing คืออะไร

Digital Marketing คืออะไร

Digital Marketing หรือการตลาดดิจิทัล คือ การทำการตลาดโดยใช้สื่อดิจิทัล เช่น อินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย อีเมล เป็นต้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างการรับรู้และความสนใจต่อสินค้าหรือบริการของธุรกิจ และกระตุ้นให้เกิดยอดขาย

การตลาดดิจิทัลเป็นช่องทางการตลาดที่สำคัญในปัจจุบัน เนื่องจากผู้บริโภคใช้เวลาออนไลน์มากขึ้น และหันมาใช้สื่อดิจิทัลในการค้นหาข้อมูล ซื้อสินค้า และบริการต่างๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ธุรกิจต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายบนโลกดิจิทัล

กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่ได้รับความนิยม ได้แก่

Search Engine Optimization (SEO) เป็นเทคนิคในการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้นๆ ในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google
Search Engine Marketing (SEM) เป็นรูปแบบการโฆษณาบนเครื่องมือค้นหา เช่น Google Ads
Social Media Marketing เป็นการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมทสินค้าหรือบริการ เช่น Facebook, Instagram, Twitter เป็นต้น
Email Marketing เป็นการส่งอีเมลเพื่อสื่อสารกับลูกค้า เช่น แจ้งข่าวสาร โปรโมชั่น เป็นต้น
Content Marketing การสร้างและเผยแพร่เนื้อหาที่มีคุณภาพเพื่อดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย
Affiliate Marketing การร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อโปรโมทสินค้าหรือบริการ
การตลาดดิจิทัลมีข้อดีและข้อเสียดังต่อไปนี้

ข้อดี:

สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากได้
สามารถวัดผลได้
ต้นทุนไม่สูง
มีประสิทธิภาพในการโปรโมทสินค้าหรือบริการใหม่ ๆ
ข้อเสีย:

การแข่งขันสูง
อาจต้องใช้เวลาในการสร้างแบรนด์
อาจก่อให้เกิดการรับรู้ที่ผิดต่อสินค้าหรือบริการได้
ธุรกิจควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้ก่อนตัดสินใจใช้การตลาดดิจิทัล

เป้าหมายทางการตลาดของธุรกิจ
ลักษณะของสินค้าหรือบริการของธุรกิจ
กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ
งบประมาณในการทำการตลาด
หากธุรกิจต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากและสร้างการรับรู้และความสนใจต่อสินค้าหรือบริการ การตลาดดิจิทัลอาจเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ธุรกิจควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายทางการตลาดและสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ

กลยุทธ์การตลาดสำหรับธุรกิจบริการ

กลยุทธ์การตลาดสำหรับธุรกิจบริการ

การสร้างกลยุทธ์การตลาดสำหรับธุรกิจบริการมีความแตกต่างจากธุรกิจผลิตสินค้า เนื่องจากบริการไม่สามารถมองเห็นได้เป็นทรัพย์สินทางกาย เพราะฉะนั้นการตลาดบริการต้องใช้กลยุทธ์ที่เน้นที่คุณลักษณะเฉพาะของบริการและประสิทธิภาพของกระบวนการบริการ นี่คือกลยุทธ์การตลาดสำหรับธุรกิจบริการ:

  1. การจัดการประสิทธิภาพของบริการ (Service Efficiency Management): การพัฒนากระบวนการบริการเพื่อให้บริการมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยลดความล่าช้าและเพิ่มผลผลิตของบริการ.
  2. การสร้างประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience Creation): การสร้างประสบการณ์บริการที่น่าจดจำและที่ไม่เหมือนใครสำหรับลูกค้า โดยการให้บริการเพิ่มค่าและปรับปรุงคุณภาพของประสบการณ์.
  3. การสร้างแบรนด์บริการ (Service Branding): การสร้างแบรนด์และอัพเกรดภาพลักษณ์บริการของคุณ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความเคารพในลูกค้า.
  4. การสื่อสารบริการ (Service Communication): การสื่อสารคุณค่าและประสิทธิภาพของบริการของคุณผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่นโฆษณา,โซเชียลมีเดีย, และการตลาดออนไลน์.
  5. การสร้างความตั้งใจในการบริการ (Service Intimacy): การสร้างความสัมพันธ์และความตั้งใจกับลูกค้า โดยการให้บริการที่ใกล้ชิดและเป็นกันเอง.
  6. การสร้างความคุ้มค่า (Value Creation): การให้บริการที่มีคุณค่าและคุ้มค่าให้กับลูกค้า โดยการแนะนำบริการเพิ่มเติมหรือการปรับปรุงสินค้า.
  7. การจัดการความรับผิดชอบ (Responsiveness Management): การตอบสนองต่อความต้องการและข้อร้องเรียนของลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ.
  8. การสร้างสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship Building): การสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแรงและยาวนานกับลูกค้า โดยการให้บริการลูกค้าและโปรโมทความรับผิดชอบ.

การสร้างกลยุทธ์การตลาดสำหรับบริการต้องใช้ความสำคัญในคุณลักษณะเฉพาะของบริการและการสร้างความพึงพอใจในลูกค้า เพื่อสร้างความสำเร็จในธุรกิจบริการและสร้างลูกค้าที่คงที่ในระยะยาว.

การดูแลบริการระหว่างและหลังการเช่ารถเช่าเชียงใหม่ ราคาถูกควรเป็นอย่างไร

ในส่วนของเรื่องบริการหลังการขายหลังการเช่ารถของรถเช่าเชียงใหม่ ราคาถูกก็มีส่วนสำคัญมาก เพราะการเช่ารถหากมีปัญหาต่างๆเกิดขึ้นการให้การช่วยเหลือหรือการติดต่อให้ข้อมูลการแนะนำให้แก่ลูกค้ามีความสำคัญ เพราะถ้าหากลูกค้าไม่เข้าใจการใช้งานรถยนต์ต่างๆ จะได้ติดต่อสอบถามการแก้ปัญหาต่างๆ ได้ทันท่วงที ซึ่งบริการหลังการเช่ารถควรที่จะมีความสำคัญมากต่อลูกค้าเอง ในส่วนของการให้บริการการรถเช่าเชียงใหม่ ราคาถูกเรื่องที่สำคัญมากในการเช่ารถนั้นคือการดูแลลูกค้าให้ทั่วถึงเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเรื่องปัญหาต่างในการใช้งานรถยนต์หรือการให้ความช่วยเหลือลูกค้าในยามฉุกเฉินซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในบริการหลังการเช่ารถยนต์ อีกทั้งการบริการในเรื่องรถทดแทนที่มีให้ลูกค้ากรณีรถลูกค้ามีความเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้ปกติ บริษัทรถเช่านั้นจะต้องมีบริการเสริมในด้านรถทดแทนซึ่งมีความสำคัญต่อการให้บริการหลังการเช่ารถที่ลูกค้ามีความต้องการมากว่าหลังการเช่ารถนั้นหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจนลูกค้าไม่สามารถใช้งานรถยนต์ได้ทำให้ลูกค้าจำเป็นต้องมีรถทดแทนให้ลูกค้าเสมอ ซึ่งถ้าบริษัทรถเช่านั้นสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้จะทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นและชื่นชอบต่อบริษัทรถเช่านั้นๆ

การให้ความช่วยเหลือที่ทันท่วงที ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ทำการเช่ารถไปใช้นั้นมีความสำคัญมากถ้าหากลูกค้าต้องการความช่วยเหลือที่เร่งด่วนบริษัทรถเช่าเชียงใหม่ ราคาถูกจะต้องตอบสนองการให้ความช่วยเหลือลูกค้าได้รวดเร็วหรือทันท่วงทีเพื่อที่ลูกค้าจะได้ไม่ประสบปัญหาการรอคอยที่นานหรือลูกค้าจะต้องแก้ปัญหาเองนั้นจะทำให้ลูกค้าไม่พึงพอใจในการเช่ารถได้ ดังนั้นบริษัทรถเช่าที่ไหนที่สามารถตอบสนองการแก้ไขปัญหาการช่วยเหลือลูกค้าได้ทันที รวดเร็ว จะทำให้ลูกค้าพึงพอใจและชื่นชมในการบริการที่รวดเร็ว ทันใจทำให้มีความมั่นใจที่จะเช่ารถใช้งานที่บริษัทรถเช่านั้นๆได้อย่างต่อเนื่อง

ค่าใช้จ่ายและบริเวณที่สามารถไปรับส่งรถยนต์ได้สะดวก ในส่วนของค่าใช้จ่ายต่างๆที่มีค่าบริการในการรับส่งรถเช่าตามสถานที่ต่างๆหรือมีบริเวณรับส่งรถยนต์ได้มากนั้นมีผลต่อการเลือกรถเช่าเชียงใหม่ ราคาถูกด้วยบางครั้งลูกค้าต้องการให้มีการรับส่งตามความต้องการซึ่งบริษัทรถเช่าที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากนั้นทั้งเรื่องราคาที่รับส่งได้ไม่สูงเกินไปหรือมีสถานที่รับส่งได้สะดวกจะเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากค่ะและลูกค้าจะมีความไว้วางใจที่จะใช้บริการรถเช่าบริษัทนั้นๆอย่างต่อเนื่อง

ความน่าเชื่อถือของบริษัทรถเช่าเชียงใหม่ ราคาถูกการเช่ารถในแต่ละครั้งบางครั้งลูกค้าแต่ละท่านจะมีความเชื่อมั่นในบริษัทรถเช่าที่แตกต่างกันไปบางคนจะเชื่อมั่นหรือยึดติดกับแบรนด์ต่างๆ บางครั้งก็แบรนด์ดังๆหรือบางคนก็ใช้บริการได้ทุกที่แต่เน้นการบริการที่คุณภาพมากกว่าซึ่งเราเห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องเราควรให้ความสำคัญกับบริษัทรถเช่าที่มีการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าและปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างยุติธรรมและจริงใจ ถึงจะเป็นบริษัทที่เราควรไว้วางใจในการเช่ารถและทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นที่จะใช้บริการบริษัทรถเช่านั้นอย่างต่อเนื่อง

เรื่องการใส่ใจรายละเอียดต่างๆของลูกค้าตามที่ลูกค้าร้องขอ ในส่วนต่างๆที่ลูกค้าร้องขอหรือมีความต้องการแสดงความคิดเห็นต่างๆเพิ่มเติมให้แก่บริษัทรถเช่าเชียงใหม่ ราคาถูกเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้นหรือเป็นการนำความคิดเห็นต่างๆของลูกค้าไปใช้พัฒนาเพิ่มเติมในส่วนต่างๆนั้นจะทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจมากขึ้นในการรับฟังปัญหาหรือข้อเสียต่างๆเพื่อให้บริษัทได้ปรับปรุงแก้ไขให้มีความก้าวหน้าในการบริการในครั้งต่อๆ ไปได้ด้วย

คุณสมบัติของเครื่องกรองน้ำดื่มควรเป็นอย่างไร

“น้ำดื่ม” เป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย ในชีวิตประจำวันของเราใช้น้ำสะอาดสำหรับดื่มและประกอบอาหาร ดังนั้น “เครื่องกรองน้ำ” จึงกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญประจำบ้าน ใช้กรองสิ่งสกปรกออกจากน้ำ และรักษาแร่ธาตุในน้ำที่จำเป็น ก่อนจะเลือกเครื่องกรองน้ำ ต้องทราบลักษณะของน้ำที่จะผ่านเครื่องกรอง เช่น น้ำบาดาล หรือ น้ำประปา เพื่อเลือกไส้กรองที่เหมาะสมกับลักษณะของน้ำ นอกจากนี้ต้องทราบจำนวนสมาชิกภายในบ้าน เพื่อเลือกกำลังผลิตน้ำได้เพียงพอต่อวัน

เครื่องกรองน้ำในครัวเรือนแบ่งคร่าวๆ ได้ 2 ประเภท คือ เครื่องกรองน้ำใช้ และเครื่องกรองน้ำดื่ม

  • เครื่องกรองน้ำใช้ เป็นเครื่องกรองน้ำประปา หรือ กรองน้ำบาดาลก่อนเข้าสู่ระบบท่อน้ำดีในบ้าน เพื่อคัดกรองแร่ธาตุ และสิ่งสกปรก ที่อาจเข้าสู่ระบบน้ำดีภายในบ้าน ทำให้ท่ออุดตัน และขึ้นสนิม มักใช้คู่กับปั๊มน้ำและถังเก็บน้ำดี
  • เครื่องกรองน้ำดื่ม เป็นเครื่องกรองน้ำคุณภาพสูงขึ้น ด้วยไส้กรองหลายชั้น คัดกรองอนุภาคและสิ่งสกปรก บางรุ่นมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ ใช้ต่อกับน้ำประปาเพื่อกรองน้ำดื่มภายในครัวเรือน

น้ำดื่มที่เรานำมาใช้บริโภคกันนั้น มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติและโรงงานทำน้ำประปา จากในอดีตมีวิธีทำให้น้ำบริสุทธิ์ ดังนี้

  1. ใส่สารเคมีลงในน้ำ เช่น คลอรีน, สารส้ม ในอดีต ก่อนนำน้ำมาใช้ดื่มเราใช้วิธีทำให้น้ำตกตะกอนด้วยการแกว่งสารส้ม หรือหยดคลอรีน ทิ้งไว้ค้างคืน วิธีการกรองแบบนี้แยกได้เฉพาะส่วนที่เป็นตะกอน แต่ไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคขนาดเล็กได้ จึงต้องนำน้ำไปต้มก่อนดื่ม
  2. ใช้ไส้กรองคาร์บอน (หรือถ่าน) ลำดับต่อมามีการคิดค้นวิธีทำน้ำให้บริสุทธิ์ด้วยการผ่านไส้กรองคาร์บอน เพื่อดักจับธาตุต่างๆ ที่ปนเปื้อนมากับน้ำ ทำให้น้ำมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือใช้กรองน้ำที่ผ่านคลอรีนมาแล้ว
  3. ใช้ไส้กรองอื่นๆ เช่น ซิลิกา (หรือทราย) หลังจากวิธีนำคาร์บอน หรือถ่าน มาช่วยดูดกลิ่นคลอรีน ก็มีการค้นคว้าส่วนประกอบอื่นๆ มาใช้กับไส้กรอง เพื่อให้น้ำบริสุทธิ์มากขึ้น ในช่วงเวลาต่อมาใช้ทราย หรือซิลิกามาเป็นไส้กรองเครื่องกรองน้ำ และมีไส้กรองบางประเภทที่ดักจับจุลินทรีย์ขนาดเล็กไม่ให้ปนเปื้อนมากับน้ำได้ด้วย
  4. ใช้ระบบ RO (Reverse Osmosis) เมื่อมีการค้นพบไส้กรองที่ช่วยให้น้ำบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ก็มีวิธีการคิดค้นใช้ไส้กรองหลายๆ ชั้นร่วมกัน เพื่อให้น้ำผ่านเครื่องกรองน้ำได้สะอาดที่สุด น้ำที่ผ่านระบบ RO (Reverse Osmosis) เป็นที่ยอมรับในการใช้ดื่ม นำมาประกอบอาหาร เครื่องกรองน้ำระบบ RO ใช้หลักการให้ผ่านไส้กรองหลายชั้นและผ่านเยื่อคัดกรองอนุภาคอีกชั้นหนึ่งเพื่อให้มั่นใจในความสะอาด
  5. ใช้แสงยูวีฆ่าเชื้อ (UV Filters) การฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ในเครื่องกรองน้ำ เริ่มใช้เทคโนโลยีแสงยูวีมาใช้ฆ่าเชื้อ ด้วยคลื่นแสงที่มีประสิทธิภาพทำลายดีเอ็นเอของเชื้อโรคได้ ทำให้เครื่องกรองน้ำชนิดนี้กำจัดสิ่งสกปรกได้ถึง 99% จึงนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย

คุณสมบัติของเครื่องกรองน้ำดื่ม

  • ประกอบด้วยไส้กรองที่กำจัดสิ่งสกปรกพื้นฐาน ได้แก่ ตะกอน, คลอรีน, เชื้อจุลินทรีย์ และกลิ่นไม่พึงประสงค์
  • วัสดุตัวเครื่องกรองน้ำ ทนทาน ไม่แตกหักง่าย ไม่มีสารที่เป็นพิษต่อร่างกายอย่าง BPA และไม่เป็นสนิมง่าย
  • ได้มาตรฐานการผลิตจาก มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) หรือ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกระทรวงอุตสาหกรรม (สมอ.)

กระเป๋าเงินดิจิตอลคืออะไร?

กระเป๋าเงินดิจิตอลคืออะไร?

กระเป๋าเงินดิจิทัล หรือที่เรียกว่า e-wallet หรือกระเป๋าเงินมือถือ เป็นแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มเสมือนจริงที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดเก็บ จัดการ และทำธุรกรรมด้วยข้อมูลทางการเงินของตนได้อย่างปลอดภัย เช่น รายละเอียดบัตรเครดิต ข้อมูลบัญชีธนาคาร หรือสกุลเงินดิจิทัล . . ทำหน้าที่เป็นคู่ดิจิทัลกับกระเป๋าเงินจริงและมอบวิธีที่สะดวกและปลอดภัยในการชำระเงินทั้งทางออนไลน์และในร้านค้าจริง

กระเป๋าเงินดิจิทัลมักมีฟังก์ชันการทำงานดังต่อไปนี้:

การจัดเก็บข้อมูลการชำระเงิน: ผู้ใช้สามารถจัดเก็บรายละเอียดบัตรเครดิต ข้อมูลบัตรเดบิต หรือรายละเอียดบัญชีธนาคารได้อย่างปลอดภัยภายในแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินดิจิทัล

การอนุมัติการชำระเงิน: กระเป๋าเงินดิจิตอลช่วยให้ผู้ใช้สามารถอนุมัติการชำระเงินโดยใช้ข้อมูลการชำระเงินที่เก็บไว้ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ลายนิ้วมือหรือการจดจำใบหน้า รหัส PIN หรือรหัสผ่าน

การชำระเงินออนไลน์: ผู้ใช้สามารถทำการซื้อหรือทำธุรกรรมออนไลน์ได้โดยเลือกกระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นวิธีการชำระเงินระหว่างชำระเงินบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือแอพมือถือ กระเป๋าเงินจะให้ข้อมูลการชำระเงินที่จำเป็นอย่างปลอดภัยเพื่อทำธุรกรรมให้เสร็จสมบูรณ์

การชำระเงินในร้านค้า: กระเป๋าเงินดิจิทัลจำนวนมากยังรองรับการชำระเงินแบบไร้สัมผัสโดยใช้เทคโนโลยี Near Field Communication (NFC) ผู้ใช้สามารถแตะสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ที่รองรับ NFC บนเครื่องชำระเงินที่เข้ากันได้เพื่อเริ่มชำระเงิน

การชำระเงินแบบ Peer-to-Peer (P2P): กระเป๋าเงินดิจิทัลมักจะอนุญาตให้ผู้ใช้ส่งหรือรับเงินจากเพื่อน ครอบครัว หรือผู้ใช้รายอื่นภายในระบบนิเวศกระเป๋าเงินดิจิทัลเดียวกัน การชำระเงินแบบ P2P ช่วยให้สามารถโอนเงินได้อย่างรวดเร็วและสะดวกโดยไม่ต้องใช้วิธีธนาคารแบบดั้งเดิม

บัตรสะสมคะแนนและคูปอง: กระเป๋าเงินดิจิทัลบางรุ่นยังรองรับการจัดเก็บและจัดการบัตรสะสมคะแนน โปรแกรมรางวัล และคูปองดิจิทัล ผู้ใช้สามารถจัดเก็บและแลกรางวัลความภักดีหรือคูปองดิจิทัลได้โดยตรงจากกระเป๋าเงินดิจิทัล

คุณลักษณะด้านความปลอดภัย: กระเป๋าเงินดิจิทัลใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆ เพื่อปกป้องข้อมูลทางการเงินของผู้ใช้ เช่น การเข้ารหัส โทเค็น และการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัย มาตรการเหล่านี้ช่วยให้มั่นใจในความปลอดภัยของการทำธุรกรรมและป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

ตัวอย่างกระเป๋าเงินดิจิทัลยอดนิยม ได้แก่ Apple Pay, Google Pay, Samsung Pay, PayPal และ Alipay กระเป๋าเงินดิจิทัลแต่ละใบอาจมีคุณสมบัติเฉพาะ วิธีการชำระเงินที่รองรับ และความเข้ากันได้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน

กระเป๋าเงินดิจิตอลมอบความสะดวก ปลอดภัย และความยืดหยุ่นในการจัดการและชำระเงิน ลดความจำเป็นในการพกบัตรจริงหรือเงินสด พวกเขาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเนื่องจากอุปกรณ์พกพาและการทำธุรกรรมออนไลน์ยังคงเติบโตอย่างโดดเด่น

การวิเคราะห์คู่แข่งและทำอย่างไร?

การวิเคราะห์คู่แข่งและทำอย่างไร?

การวิเคราะห์คู่แข่งคือกระบวนการวิจัยและวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของคู่แข่งของคุณ เป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับธุรกิจในการทำความเข้าใจตำแหน่งของตนในตลาดและพัฒนากลยุทธ์เพื่อให้ได้เปรียบในการแข่งขัน ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนในการวิเคราะห์คู่แข่ง:

ระบุคู่แข่งของคุณ: ขั้นตอนแรกในการวิเคราะห์คู่แข่งคือการระบุคู่แข่งของคุณ ซึ่งอาจรวมถึงคู่แข่งโดยตรงที่นำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คล้ายคลึงกัน เช่นเดียวกับคู่แข่งทางอ้อมที่เสนอทางเลือกอื่นในการแก้ปัญหาเดียวกัน

รวบรวมข้อมูล: เมื่อคุณระบุคู่แข่งได้แล้ว ให้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขา ซึ่งอาจรวมถึงส่วนแบ่งการตลาด การนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการ กลยุทธ์การกำหนดราคา กลยุทธ์ทางการตลาดและการโฆษณา และบทวิจารณ์ของลูกค้า

วิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของพวกเขา: วิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของคู่แข่งของคุณ ซึ่งอาจรวมถึงจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ พื้นที่ที่พวกเขาเก่ง และจุดที่อ่อนแอกว่าธุรกิจของคุณ

ระบุโอกาสและภัยคุกคาม: จากการวิเคราะห์ของคุณ ระบุโอกาสและภัยคุกคามในตลาด มองหาช่องว่างในตลาดที่ธุรกิจของคุณสามารถเติมเต็มความต้องการ และระบุจุดที่คู่แข่งของคุณมีจุดอ่อนที่ธุรกิจของคุณสามารถใช้ประโยชน์ได้

พัฒนากลยุทธ์: พัฒนากลยุทธ์เพื่อให้ได้เปรียบในการแข่งขันตามการวิเคราะห์ของคุณ ซึ่งอาจรวมถึงการพัฒนาจุดขายที่ไม่เหมือนใคร ปรับกลยุทธ์ด้านราคาหรือการตลาด และปรับปรุงการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

ตรวจสอบคู่แข่งของคุณ: สุดท้ายนี้ สิ่งสำคัญคือต้องติดตามคู่แข่งของคุณต่อไปเพื่อติดตามกิจกรรมของพวกเขาและปรับกลยุทธ์ของคุณตามความจำเป็น

โดยรวมแล้ว การวิเคราะห์คู่แข่งสามารถช่วยให้ธุรกิจเข้าใจตำแหน่งของตนในตลาดได้ดีขึ้น และพัฒนากลยุทธ์เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องมีการตรวจสอบและปรับตัวเป็นประจำเมื่อตลาดเปลี่ยนแปลงไป

การสร้างเอกลักษณ์ดิจิทัลของคุณ ดิจิทัล

การสร้างเอกลักษณ์ดิจิทัลของคุณ ดิจิทัล

การสร้างตัวตนดิจิทัลของคุณ: ความสำคัญของการสร้างแบรนด์ดิจิทัล

ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน การมีตัวตนบนโลกออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจและบุคคลทั่วไป ด้วยการแข่งขันที่สูงมาก สิ่งสำคัญคือต้องโดดเด่นและสร้างความประทับใจในเชิงบวกต่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าหรือนายจ้าง นั่นคือที่มาของการสร้างแบรนด์ดิจิทัล

การสร้างแบรนด์ดิจิทัลคือกระบวนการสร้างและรักษาสถานะออนไลน์ที่สอดคล้องกันผ่านช่องทางดิจิทัลต่างๆ เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และแพลตฟอร์มดิจิทัลอื่นๆ มันเกี่ยวข้องกับการสร้างเอกลักษณ์และเสียงที่ไม่เหมือนใคร และสื่อสารค่านิยม พันธกิจ และเรื่องราวของคุณกับผู้ชม

ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างตัวตนดิจิทัลของคุณผ่านการสร้างแบรนด์ดิจิทัล:

กำหนดแบรนด์ของคุณ: ก่อนที่คุณจะสร้างแบรนด์ดิจิทัลได้ คุณต้องกำหนดแบรนด์นั้นเสียก่อน เริ่มต้นด้วยการระบุจุดขาย คุณค่า และพันธกิจที่ไม่เหมือนใครของคุณ นึกถึงสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่างจากคู่แข่งและสิ่งที่คุณต้องการสื่อสารกับผู้ชม

สร้างรูปลักษณ์และความรู้สึกที่สอดคล้องกัน: การสร้างแบรนด์ดิจิทัลของคุณควรสอดคล้องกันในทุกช่องทางดิจิทัล รวมถึงเว็บไซต์ โปรไฟล์โซเชียลมีเดีย และสื่อทางการตลาด เลือกรูปแบบสี รูปแบบตัวอักษร และภาพที่สะท้อนถึงแบรนด์ของคุณ และยึดมั่นกับมัน

ใช้การเล่าเรื่องเพื่อดึงดูดผู้ชมของคุณ: ผู้คนเชื่อมโยงกับเรื่องราว ดังนั้นใช้พวกเขาเพื่อดึงดูดผู้ชมของคุณและสร้างการเชื่อมต่อทางอารมณ์กับพวกเขา แบ่งปันเรื่องราวของแบรนด์ เน้นคุณค่าและพันธกิจของคุณ และสร้างเนื้อหาที่บอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจ

ใช้งานโซเชียลมีเดีย: โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการสร้างตัวตนดิจิทัลของคุณ ใช้งานบนแพลตฟอร์มที่กลุ่มเป้าหมายของคุณใช้ แบ่งปันเนื้อหาที่มีคุณค่า และมีส่วนร่วมกับผู้ติดตามของคุณ

ตรวจสอบชื่อเสียงทางออนไลน์ของคุณ: ตัวตนดิจิทัลของคุณอาจถูกทำให้เสื่อมเสียได้ง่ายจากคำวิจารณ์ คำติชม หรือคำติชมเชิงลบ ตรวจสอบชื่อเสียงทางออนไลน์ของคุณและตอบสนองต่อข้อเสนอแนะหรือความคิดเห็นเชิงลบทันที

โดยสรุปแล้ว การสร้างตัวตนดิจิทัลของคุณผ่านการสร้างแบรนด์ดิจิทัลนั้นมีความสำคัญต่อความสำเร็จในโลกดิจิทัลในปัจจุบัน ด้วยการกำหนดแบรนด์ของคุณ สร้างรูปลักษณ์และความรู้สึกที่สอดคล้องกัน ใช้การเล่าเรื่องเพื่อดึงดูดผู้ชม ใช้งานโซเชียลมีเดีย และติดตามชื่อเสียงออนไลน์ของคุณ คุณสามารถสร้างสถานะดิจิทัลที่แข็งแกร่งและโดดเด่นกว่าคู่แข่งได้

องค์ประกอบที่สำคัญของแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปคืออะไร

แผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปคือคอนกรีตที่ถูกขึ้นรูปมาแล้วทำให้พร้อมใช้งานและติดตั้งในหน้างานได้ทันที ถ้าจะให้เห็นภาพก็จะมีลักษณะคล้ายกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่แค่เติมน้ำร้อนก็กินได้ทันที คอนกรีตสำเร็จรูปก็เช่นกัน เพียงนำมาติดตั้ง เสริมเหล็ก เทคอนกรีตและบ่มคอนกรีตก็พร้อมใช้งานได้แล้ว

องค์ประกอบหลักของแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปที่ดีมีอยู่ด้วยกันหลัก ๆ 2 องค์ประกอบ

  1. มีความแข็งแรง รับน้ำหนักตัวเองได้

แผ่นพื้นคอนกรีตเสริมสำเร็จรูปที่มีความแข็งแรงมากพอ จะช่วยให้เมื่อทำการขนส่งแล้วจะไม่มีการแตกหัก ซึ่งแน่นอนว่าคอนกรีตแบบนี้เวลาขนส่งจะต้องขนส่งทีละหลายๆ แผ่น ทำให้ความแข็งแรงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

  1. รับน้ำหนักของงานทั้งหมดได้

เมื่อนำมาใช้หน้างาน ต้องมีความสามารถในการรับน้ำหนักของงานทั้งหมดในระหว่างการก่อสร้างได้ นั่นหมายถึงคนงานสามารถขึ้นไปเดินได้ ไม่ต้องมีไม้แบบ เอาคอนกรีตและ Topping ต่างๆ ติดตั้งลงไปแล้วต้องไม่หัก อาจจะยังรับน้ำหนักงาน 100% ตามที่ออกแบบไม่ได้ แต่อย่างน้อยระหว่างก่อสร้างต้องไม่หักไม่พัง

ประเภทของแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปที่เป็นที่นิยมมีกี่ประเภท อะไรบ้าง

การใช้พื้นสำเร็จรูปไม่ได้มีการใช้แค่ในบ้านหรือในครัวเรือนเท่านั้น แต่สิ่งปลูกสร้างอื่นๆก็สามารถใช้แผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปได้เช่นกัน เช่น สะพาน ท่อระบายน้ำ อาคารชลประทานต่างๆ พูดง่ายๆคือแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปมีหลายแบบและหลายวัตถุประสงค์การใช้งานมาก วันนี้จึงยกมาเพียงแค่ 3 ประเภทที่เรามักพบเห็นได้ทั่วไป

  1. พื้นสําเร็จรูปท้องเรียบ

ลักษณะทั่วไปคลื่นหนา 5 cm. กว้าง 35 cm. และยาว 4 m. สำเร็จรูปทั่วไปที่มักเห็นในการใช้สร้างบ้านทั่ว ๆ ไป ที่ผู้รับเหมามักจะนำมาวางเรียงกัน เสริมเหล็ก เทคอนกรีต ก็กลายเป็นพื้นบ้านพร้อมใช้งานให้กับเรา ซึ่งจะคุมระยะทางไม่เกิน 4 m. รับน้ำหนักต่อแผ่นได้ไม่มาก ประมาณ 100 – 200 กก./ตร.ม.

  1. พื้นสำเร็จรูป Hollow Core

จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่แต่จะสังเกตได้ว่าจะมี ความหนาประมาณ 6 – 25 cm ก็จะมีหลายแบบ 30,60,120 cm และความยาวตั้งแต่ 8 – 12 m. และมีรูเป็นลักษณะคล้ายท่อเพื่อลดน้ำหนัก เป็นแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปที่แข็งแรงขึ้นมาอีกขั้นนึง มักใช้ในห้างสรรพสินค้าหรือโรงงานอุตสาหกรรม ที่มีระยะทางประมาณ 8 – 12 m. รับน้ำหนักได้มากถึง 500 – 1000 กก./ตร.ม.

  1. พื้นสำเร็จรูประบบ Steel Deck

เป็นการใช้เหล็กเมทัลชีทปูพื้น แล้วเทตามด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก จะเห็นได้มาก ในงานก่อสร้างประเภทสะพานหรือสกายวอล์คต่างๆ ซึ่งระบบ Steel Deck พื้นสำเร็จรูปที่เปลี่ยนจากรูปแบบคอนกรีตมาเป็นเหล็กเมทัลชีทเท่านั้นเอง