การร้อยไหมเพื่อยกกระชับผิวหน้า

การร้อยไหมเพื่อยกกระชับผิวหน้า เดิมใช้ไหมไหมชนิดที่ไม่ละลาย โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อการเย็บ ดึงหน้าให้หน้าตึงทดแทนการทำศัลยกรรม

“Aptos” หรือที่รู้จักในนาม “ไหมปรับรูปหน้าไม่ละลาย”

ส่วน ไหมทองคำ ก็จัดเป็นไหมไม่ละลาย ที่ได้รับความนิยมในหมู่เซเลบริตี้เมืองไทย ทำจากทองคำบริสุทธิ์ แต่เนื่องจาก ไหมทองคำ ถือเป็นโลกะชนิดหนึ่ง คนที่ร้อยไหมชนิดนี้จึงไม่สามารถเข้าเครื่อง MRI ซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อสแกนใบหน้าและสมองได้ เพราะฉะนั้นหากคุณคิดจะสวยด้วยไหมทองคำแล้วละก็ ต้องพิจารณาให้ดีว่าเรามีความเสี่ยงที่จะต้องทำ MRI ในอนาคตรึป่าว

ยุคถัดมา ไหมที่โด่งดังและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก คือ “ไหมละลาย” ซึ่งประกอบหลักคือ Polydioxanone (PDO) แต่เดิมไหมชนิดนี้ใช้ในการเย็บแผลแบบไม่ต้องตัดไหมเพราะเป็นสารที่ละลายได้ในร่างกาย

หลักการทำงานของไหม PDO ก็คือ ใช้เย็บผิวเพิ่มความตึง เหมาะกับคนที่ผิวหน้าเริ่มไม่กระชับ หย่อนคล้อยตามอายุ หลังจากการร้อยไหมประเภทนี้ นอกจากที่ผิวจะตึงจากการเย็บของแพทย์แล้ว ไหม PDO จะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดสร้างเส้นใยที่เรียกว่าคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นมาล้อมรอบเส้นไหม ( healing process) เช่นเดียวกับเวลาที่ร่างกายมีบาดแผลแล้วเกิดการสมานแผล

หลังร้อยไหม หากได้รับวิตามินที่เหมาะสมอย่างเพียงพอในระยะแรก ผิวจะสร้างคอลลาเจน อิลาสตินชั้นใหม่ทำให้ผิวหน้ากระชับ ฟูขึ้น อย่างชัดเจน เป็นการใช้ประโยชน์จากกลไกฟื้นฟูตัวเองของร่างกายตามธรรมชาตินั้นเอง ซึ่งผลเหล่านั้นจะอยู่ได้ยาวนานหลายปีแม้ว่าไหมจะละลายไปจากร่างกายแล้ว

ไหมละลายจึงได้รับความนิยมอย่างสูง เนื่องจากเป็นวิธีที่ปลอดภัย เห็นผลไวและมีระยะพักฟื้นน้อยมากเมื่อเทียบกับการผ่าตัด

ดังนั้นตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ไหมละลายมีการพัฒนาอย่างมาก และเกิดไหมรุ่นใหม่ออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศเกาหลีใต้ ถือเป็นแหล่งผลิตไหมลำดับต้นๆของโลก จึงถือโอกาสนี้สรุปประเภทของไหมแบบต่างๆ ดังนี้

ไหมละลายแบบเรียบ หรือบางคนเรียกว่า ไหม pdo, ไหม mono คือไหมละลายที่มีลักษณะเหมือนเส้นด้ายขนาดเล็ก รูปร่างเป็นเส้นตรง เรียบ ไม่มีการบิดเป็นเกลียว และไม่มีเงี่ยง ขนาดยาวตั้งแต่ 30-90 mm รุ่นที่นิยมคือขนาด 40-60 mm
ไหมละลายแบบเกลียว หรือ หรือไหม Spiral, ไหมเกลียว, ไหมสกูร, ไหมเกลียว double locked แตกต่างจากรุ่นเดิมโดยที่เส้นไหมบิดเป็นเกลียว ทำให้มีการเพิ่มพื้นที่ผิว จึงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้มากกว่าแบบเดิม
ไหม Barbed หรือไหมเงี่ยง, ไหมเงี่ยงปลา, ไหม 3มิติ , 3D. Barbed จะมีการเพิ่มเงี่ยงบนเส้นไหม จากการใช้เลเซอร์บากให้เกิดเงี่ยงจึงมีแรงยึดกับชั้นผิวมากกว่าแบบเดิม ได้ผลการยกกระชับดีขึ้น
ไหมก้างปลา หรือไหม Cog เป็นการพัฒนาไหม PDO ให้เส้นไหมมีขนาดใหญ่ขึ้น เปรียบเทียบไหมแบบเดิม มีขนาดเท่าเส้นด้าย ส่วนไหม Cog เหมือนเส้นเอ็น ทำให้มีความเหนียว และแข็งแรงมาก จึงใช้ในการดึงหน้าเพื่อปรับเปลี่ยนรูปหน้าได้ ไหมประเภทนี้จะมีเงี่ยงขนาดใหญ่ด้วย ทำให้ผลการรักษาดี ดังนั้นการตั้งชื่อไหมประเภทนี้จึงอิงตามลักษณะของเงี่ยงไหมดังนี้

ไหมก้างปลา 360 องศา
ไหมก้างปลาหกมิติ, 6D cog มีเงี่ยงที่หมุนรอบแกนกลางของเส้นไหมหกทิศทาง
ไหมจระเข้ COCO-drile มีเงี่ยงเหมือนฟันของจระเข้
ไหมกุหลาบ ไหมเงี่ยงกุหลาบ ไหมก้านกุหลาบ ROSE LIFT มีลักษณะของเงี่ยงแหลมคมและกางออกเหมือนหนามกุหลาบ จึงมีแรงดึงสูงมาก

ไหมก้างปลา 8 มิติ
ไหม self-locked เป็นนวัตกรรมการผลิตเงี่ยงแบบใหม่ที่ไม่ใช่การใช้เลเซอร์ปาดที่แกนกลางของไหมแต่ใช้การคว้านให้เกิดเงี่ยงทำให้เมื่อเงี่ยงไหมเริ่มละลายในร่างกาย แกนกลางจะไม่ขาดออกจากกันทำให้ยังมีแรงดึงมากเหมือนตอนทำใหม่ๆ
ไหม MISKO MISJU เป็นไหม cog สำหรับทำจมูก และยกกระชับหน้า ที่มีเทคนิคการทำเฉพาะโดยต้องใช้เครื่องยิงไหมเข้าไปแทนการใช้มือเย็บ
ไหม PINOCHI เป็นไหม cog ใช้ร้อยเสริมจมูกเฉพาะของวลีรัตน์คลินิก มีขนาดใหญ่และมีเงี่ยง แต่ใช้เข็มปลายทู่ในการเย็บทำให้ไม่บวมหลังทำ
ไหมขึ้นรูป หรือไหมหล่อ Molding thread เป็นการขึ้นรูปไหมด้วยระบบ Mold ทำให้ได้เงี่ยงไหมตามแบบพิมพ์ จึงได้เงี่ยงไหมที่มีความแข็งแรงสูง ไม่หักงอ ให้ผลการรักษาที่ยาวนานกว่าเดิม ต่างจากไหมเงี่ยงแบบธรรมดาที่ใช้เลเซอร์ในการบากเส้นไหมให้เป็นเงี่ยง ตัวอย่างไหมขึ้นรูป เช่น ไหมไดมอนด์ หรือ Diamond Thread, MINT LIFT